ฝ้าในวัย 20+ เรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด สัญญาณเตือนก่อนผิวพัง
เฮ้อ สาว ๆ เป็นเหมือนกันไหม? จู่ ๆ ก็เห็นจุดดำ ๆ กระจุกเล็ก ๆ โผล่ขึ้นมาบนใบหน้า โดยเฉพาะแถวโหนกแก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก...นั่นแหละคือ ฝ้า หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ วัย 40-50 เท่านั้น แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าพวกเธออายุ 20 กว่า ๆ แล้วเริ่มเห็นสัญญาณเหล่านี้ล่ะก็ บอกเลยว่าไม่ได้ไกลตัวอย่างที่คิด แถมยังเป็นสัญญาณเตือนก่อนผิวจะพังถาวรอีกด้วยนะ
ทำความรู้จัก "ฝ้า" เจ้าปัญหา คืออะไร เกิดจากอะไร?
ก่อนจะไปหาวิธีป้องกันหรือรักษานั้น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่าคืออะไร อธิบายแบบให้เข้าใจเร็ว ๆ คือ เป็นภาวะที่ผิวหนังมีเม็ดสีเมลานินมากผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้มบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก หรือเหนือริมฝีปาก ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝ้าในวัย 20+
แสงแดดตัวร้าย
แสงแดดนี่คือตัวการอันดับหนึ่งเลย โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB กระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ให้ผลิตเมลานินออกมามากเกินไป เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด ทำให้เกิดขึ้นมานั่นเอง แม้จะอยู่ในร่ม หรือแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือก็สามารถกระตุ้นได้เช่นกัน
ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิง เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ หรือแม้แต่ความไม่สมดุลของฮอร์โมนในชีวิตประจำวัน ก็สามารถกระตุ้นได้
พันธุกรรม
ถ้าคนในครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่หรือคุณย่า มีประวัติเกี่ยวกับปัญหาผิวชนิดนี้ ก็มีแนวโน้มที่พวกเธอจะเป็นได้ง่ายขึ้นด้วย
การใช้เครื่องสำอางและสกินแคร์
บางครั้ง ส่วนผสมบางอย่างในเครื่องสำอาง หรือสกินแคร์ที่สาว ๆ ใช้อยู่ อาจมีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง หรือไวต่อแสง ทำให้สีผิวเปลี่ยนได้ง่ายขึ้น
ความเครียดและการพักผ่อนไม่พอ
การที่เราเครียดบ่อย และร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ สองสิ่งนี้ก็ส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย และอาจกระตุ้นให้ผิวมีความเสียหายได้เช่นกัน
สัญญาณเตือนก่อนผิวพัง เช็กด่วน! พวกเธอมีหรือยัง?
สำหรับสาว ๆ วัย 20+ ที่คิดว่าตัวเองยังเด็ก ไม่น่าจะมี ลองสังเกตตัวเองดูนะว่ามีสัญญาณเหล่านี้บ้างหรือเปล่า?
- จุดด่างดำสีน้ำตาลอ่อน ๆ เริ่มแรก อาจจะมาในรูปแบบของจุดด่างดำเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อน ๆ ที่คล้ายกับกระ แต่มีขอบเขตไม่ชัดเจน
- รอยปื้นสีคล้ำบนใบหน้า สังเกตเห็นรอยปื้นสีน้ำตาล สีเทาอมฟ้า บริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก โดยเฉพาะหลังออกแดด
- สีผิวไม่สม่ำเสมอ ใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส สีผิวดูไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ
หากพวกเธอเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังมาเยือนแล้ว อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะยิ่งปล่อยไว้นานก็จะยิ่งเข้มขึ้น และรักษายากขึ้น
ไม่อยากเป็นตั้งแต่อายุยังน้อย ต้องป้องกันและดูแลผิวอย่างไร?
ไม่ต้องกังวลไปค่า แม้ว่าฝ้าจะมาเยือนตั้งแต่วัย 20+ แต่เราสามารถป้องกันและดูแลผิวเพื่อลดความรุนแรงของ และทำให้รอยจางลงได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เหล่านี้
ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด! เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ ขึ้นไป และทาซ้ำทุก 2-4 ชั่วโมง แม้จะอยู่ในร่ม หรือวันที่ไม่มีแดดจัดก็ตาม เพราะรังสี UVA สามารถทะลุผ่านกระจกเข้ามาทำร้ายผิวได้ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงสามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพ
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
พยายามหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดในช่วงเวลาที่แดดจัด หรือถ้าจำเป็นต้องออกแดด ควรใส่หมวกปีกกว้าง กางร่ม หรือสวมแว่นกันแดด เพื่อป้องกันแสงแดดโดยตรง
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างระมัดระวัง
หากพวกเธอใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของสารที่อาจทำให้ผิวไวต่อแสง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว และไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
บำรุงผิวด้วยเซรั่มลดเลือนจุดด่างดำ
การเลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเข้มข้นจะช่วยลดเลือนจุดด่างดำได้ดี จะช่วยจัดการปัญหาจุดด่างดำ และรอยคล้ำฝังลึกได้อย่างตรงจุด
ดูแลเรื่องฮอร์โมน
หากสาว ๆ คนไหนใช้ยาคุมกำเนิด หรือสงสัยว่าเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
พักผ่อนให้เพียงพอและจัดการความเครียด
การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการหาวิธีผ่อนคลายความเครียด จะช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย นอกจากจะส่งผลดีต่อสุขภาพกายแล้วยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิวโดยรวมด้วย
สรุป ฝ้าในวัย 20+ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
ฝ้าตอนนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แม้แต่ในวัย 20 ต้น ๆ ก็สามารถเป็นได้ เพราะปัจจัยกระตุ้นอย่างแสงแดด ความเครียด หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต ล้วนมีผลต่อผิวทั้งนั้น การเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เลือกใช้สกินแคร์ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง หรือแม้แต่การพักผ่อนให้เพียงพอ และทานอาหารที่มีประโยชน์ เมื่อดูแลผิวจากทั้งภายในและภายนอกอย่างเหมาะสม ผิวหน้าก็จะค่อย ๆ กระจ่างใส แข็งแรง และคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้นานขึ้นแน่นอน