รวม 5 การเปลี่ยนแปลงจากการออกกำลังกายแค่วันละ “30 นาที” มีอะไรบ้าง

5 ประโยชน์จากการออกกำลังกายที่รู้แล้วต้องเซอร์ไพร์

ออกกำลังกายวันละ 30 นาทีอาจดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ “ใหญ่แบบจึ้ง!” เพราะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ห่างไกลโรค แถมยังอารมณ์ดีขึ้นแบบไม่ต้องพึ่งคาเฟอีน มาดูกันว่าประโยชน์ทั้ง 5 ข้อนี้จะทำให้คุณอยากลุกไปขยับตัวเดี๋ยวนี้เลยหรือเปล่า!

1. เสริมความแข็งแรงให้กระดูก กล้ามเนื้อ และข้อต่อ

ขยับตัวทุกวันช่วยลดความเสี่ยง “โรคกระดูกพรุน” ได้ดีมาก เพราะเมื่อกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อได้ใช้งานบ่อย ๆ ร่างกายจะยิ่งแข็งแรงขึ้นและทรงตัวได้ดีขึ้นอีกด้วย ใครที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ หรือเมื่อยง่าย จะรู้เลยว่าการออกกำลังกายช่วยให้เคลื่อนไหวคล่องตัวขึ้นแบบรู้สึกได้

2. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง

การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนได้ดี เพราะร่างกายจะเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่าเดิม แถมยังช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น หัวใจแข็งแรงขึ้นอีกด้วย คือดีต่อสุขภาพแบบครบวงจรเลยล่ะ!

3. หลับง่ายและหลับลึกกว่าเดิม

อีกหนึ่งความดีงามที่หลายคนไม่รู้คือ การออกกำลังกายช่วยปรับวงจรการนอนหลับให้ดีขึ้น ร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลาย และหลับลึกขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกสดชื่นสุด ๆ พร้อมเริ่มวันใหม่แบบพลังเต็มถัง!

4. ผิวดูใส สุขภาพดีขึ้นจากข้างใน

พอร่างกายได้ขยับ เลือดก็ไหลเวียนดีขึ้น ส่งผลให้ผิวได้รับออกซิเจนมากขึ้น ทำให้ผิวดูอิ่มฟู มีออร่า และช่วยลดสิวได้ด้วย เพราะเหงื่อช่วยขับของเสียออกจากผิว คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะสังเกตได้เลยว่าหน้าสดก็ยังดูดี! และถ้าอยากให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอีกขั้น ลองใช้เซรั่มลดรอยสิวคู่กับการออกกำลังกายประจำ บอกเลยว่าหน้าใสขึ้นแบบมีสุขภาพจริง ๆ

5. ชะลอความจำเสื่อม สมองแล่นทุกวัน

ใครว่าการออกกำลังกายมีดีแค่หุ่นสวย ผิดเลย! เพราะมันยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ทำให้เราจำได้ดีขึ้น โฟกัสเก่งขึ้น และลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมในระยะยาวได้อีกต่างหาก ลองเดินเร็วตอนเช้าดูสิ สมองจะปลอดโปร่งสุด ๆ พร้อมรับวันใหม่แบบสดใส!

เคล็ดลับ “เดินยังไงให้ดี” ได้ผลชัวร์ ไม่เจ็บตัว

1. เช็กสุขภาพก่อนเริ่มเดิน

ถ้าไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ควรเช็กก่อนว่ามีโรคประจำตัวไหม หรือกินยาตัวไหนอยู่รึเปล่า จะได้เตรียมพร้อมไว้ถูก เริ่มจากเดินเบา ๆ แค่ 5 นาที แล้วค่อยเพิ่มเวลาไปทีละนิด อย่าพึ่งรีบ ไม่ต้องเร่ง เพราะหักโหมเกินไปอาจเจ็บได้!

2. เลือกชุดกับรองเท้าให้เหมาะ

เสื้อผ้าต้องใส่สบาย ระบายเหงื่อดี ส่วนรองเท้าเลือกแบบน้ำหนักเบา พื้นนุ่ม ลดแรงกระแทก และกระชับข้อเท้า ใส่แล้วเดินสบายไม่กัดเท้า จะช่วยลดอาการเมื่อยและกันการบาดเจ็บได้เยอะเลย!

3. อย่าลืมวอร์มอัพก่อน และคูลดาวน์หลังเดิน

ก่อนเริ่มเดินให้ยืดเส้นเบา ๆ สักนิด เพื่อให้กล้ามเนื้อและหัวใจพร้อม ส่วนหลังเดินเสร็จ อย่าเพิ่งหยุดทันที ให้ค่อย ๆ ชะลอจังหวะ แล้วคูลดาวน์อีก 5 นาที ช่วยลดอาการตะคริวหรือปวดเมื่อยได้ดี โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังบ่อย ๆ

4. เดินขึ้นทางชันหรือบันไดบ้าง

อยากเบิร์นแรงขึ้น ลองเดินขึ้นบันไดหรือทางลาดดูสิ เผาผลาญได้มากกว่าการเดินพื้นราบตั้ง 2–3 เท่าเลย! แต่ถ้าไม่มีเวลาออกกำลังจริง ๆ แนะนำให้หาโอกาสเดินเพิ่มในชีวิตประจำวัน เช่น เดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์ หรือเดินไปซื้อกาแฟแทนนั่งรถ แค่นี้ก็ได้ออกแรงแล้ว

5. เดินให้มีจังหวะ พร้อมแกว่งแขนเบา ๆ

การแกว่งแขนช่วยให้ร่างกายสมดุลและเดินได้คล่องขึ้น แถมยังช่วยให้ระบบน้ำเหลืองทำงานดี ขับของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย แค่ระวังอย่าแกว่งแรงเกินไปจนกระชากหัวไหล่นะ ไม่งั้นอาจปวดเอ็นได้!

เดินวันละ 30 นาที ก็ช่วยเปลี่ยนทั้งสุขภาพและอารมณ์

เห็นไหมล่ะ! แค่ “เดินวันละ 30 นาที” ก็ช่วยเปลี่ยนทั้งสุขภาพและอารมณ์ได้แบบไม่ต้องหักโหม แถมยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง หัวใจฟิต และห่างไกลโรคอีกด้วย ที่สำคัญอย่าลืมใส่รองเท้าดี ๆ วอร์มอัพก่อนเดิน และคูลดาวน์หลังจบ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี เดินไปพร้อมฟังเพลงเพลิน ๆ หรือดูวิวรอบบ้านก็ยังได้ แค่เริ่มวันนี้ สุขภาพดีขึ้นแน่นอน